เทพประสิทธิ์ ทรัค ทรานสปอร์ต จำกัด
บริษัท เทพประสิทธิ์ ทรัค ทรานสปอร์ต จำกัด
กิจการ : ให้บริการรถตู้เย็นขนส่งอาหารสดแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง และผักผลไม้สด ควบคุมอุณหภูมิ
ผู้ก่อตั้งบริษัทเทพประสิทธิ์ คุณวัทธิกร ปราณีนุช หรือพี่แป๊ก ที่น้องๆ ในบริษัทเทพประสิทธิ์ ทรัค ทรานสปอร์ต จำกัด เรียกขาน เปิดโอกาสให้ได้สนทนาด้วย โดยเล่าความถึงที่มาที่ไปของเทพประสิทธิ์ วิธีการและแนวความคิดในการทำงานให้ฟัง
เริ่มจากความไม่รู้ สู่ความเข้าใจ
หลักการในการทำธุรกิจโดยส่วนใหญ่ ตามความเชื่อหลักเหตุผลที่คนส่วนใหญ่คิด ควรจะต้องเริ่มต้นจากต้องมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่เราจะลงมือทำเสียก่อน แม้จะไม่ลึกแต่ก็ควรจะเข้าใจในเรื่องพื้นฐานบ้าง แต่คุณวัทธิกร ปราณีนุช ไม่ได้คิดเช่นนั้น
คุณวัทธิกรเล่าให้ฟังว่าหลังจากเรียนจบด้านวิศวกร งานที่ทำก่อนจะหันมาสู่สายขนส่งคือ ทำงานเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นสายงานที่ประสบความสำเร็จ งานหลักที่บริษัทของคุณวัทธิกรดูแลอยู่คืองานก่อสร้างห้างของเครือเซ็นทรัล ในส่วนของงานระบบ งานตกแต่งภายใน ซึ่งนับได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดี
แต่อยู่มาวันหนึ่ง มีความรู้สึกว่าสายงานที่ทำอยู่นี้ประสบความสำเร็จ อิ่มตัว ไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์อีกแล้ว รวมทั้งเบื่อการที่ต้องเดินทางย้ายไปตามไซด์งาน จึงมีความตั้งใจจะไปลองทำธุรกิจด้านขนส่งดู ทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้เลย แต่มีความรู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่น่าจะไปได้ดี น่าที่จะได้ทดลอง เมื่อส่งงานให้ลูกค้ารายสุดท้ายเสร็จสิ้น บอกกับภรรยาและทีมงานว่าจะเลิกงานที่ทำอยู่นี้ โดยไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเลย ลูกน้องสามารถไปต่อกับตนเองด้วยการไปเริ่มงานใหม่ หรือจะไม่ไปต่อก็จะพาไปฝากงานกับบริษัทเพื่อนๆ ให้ จากนั้นจึงเริ่มมานับหนึ่งกับสายงานขนส่ง
แม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจเลย แต่โดยพื้นฐานส่วนตัวของคุณวัทธิกร เป็นคนที่เมื่อคิดจะทำอะไรแล้ว จะทำอย่างตั้งใจ เรียนรู้จากการลงมือทำ และทำอย่างมีระบบ พัฒนาจนเกิดเป็นองค์ความรู้ ที่สำคัญคือไม่หยุดพัฒนาตัวเอง
เรียนรู้บทที่หนึ่ง เริ่มต้นธุรกิจใหม่ด้วยเงินหกแสนบาท ออกรถสิบล้อมือสองมาหนึ่งคัน
“ผมเริ่มทำขนส่ง อย่าว่าแต่ความรู้ในธุรกิจขนส่งเลย ขับรถบรรทุก ผมยังขับไม่เป็นเลย” คุณวัทธิกรบอก แน่นอนว่าโลกของความเป็นจริง ไม่มีอะไรง่ายดาย ช่วงแรกจึงไม่ได้สวยหรูและหวานหอม รถตู้แห้งที่ลงทุนไป เริ่มงานไปได้เพียงแค่เดือนเดียวก็จอดนิ่ง ทำได้เพียงผ่อนต่อจนหมดแล้วขายออก
จากนั้นปรับเข็มทิศ ลองมองดูงานที่มีอยู่ในตลาด ลองลงไปสำรวจดูสินค้าในตลาด ตัดสินใจหันมาเริ่มต้นใหม่กับรถตู้เย็น งานค่อยๆ เริ่มไต่ไปหาความสำเร็จทีละขั้น พร้อมๆ ไปกับการบริหารจัดการตัวเองที่เริ่มมีทิศทาง เริ่มทำความเข้าใจในสิ่งที่ลงทุนเพิ่มขึ้น จนวันหนึ่งต้นไม้ที่ลงทุนลงแรงปลูกไปเริ่มเติบโต จากร่วมวิ่งกับคนอื่นขยับมาเป็นรับงานโดยตรงกับลูกค้า ลูกค้าเริ่มถามหารถมารับงานเพิ่ม ความคิดที่จะลงทุนเพิ่มรถเข้าฟลีทจึงเกิดขึ้น ตามปริมาณงานที่ขยับตัวเพิ่มขึ้น
ผ่านไปหนึ่งปี เทพประสิทธิ์ มีรถในฟลีทสิบสองคัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถมือสองที่ซื้อเข้ามาปรับปรุงจนได้มาตรฐานตามที่ตั้งไว้ รถซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำธุรกิจ เป็นสิ่งที่คุณวัทธิกรให้ความสำคัญมาก ต้องดูแลให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานเสมอ เครื่องยนต์ได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง สภาพภายนอกต้องสมบูรณ์ เรื่องอุณหภูมิตู้เย็นที่ใช้ขนส่งต้องคงที่ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ
งานที่ผ่านเข้ามาสู่บริษัท เป็นการบอกต่อของลูกค้า เกิดจากลูกค้าเห็นรถที่วิ่งงานอยู่ ลูกค้าประทับใจในงานบริการของเทพประสิทธิ์ ตั้งแต่งานส่วนหน้าคือคนขับรถ รถ และงานส่วนหลังบ้านคืองานติดต่อประสานงานกับลูกค้า ซึ่งได้รับการใส่ใจในทุกส่วน ในส่วนงานหลังบ้านนั้นอยู่ในความดูแลของภรรยาคือคุณชัชชฎา เลิศลบธาตรี
งานของเทพประสิทธิ์เริ่มมีความมั่นคงขึ้นเมื่อได้รับโอกาสวิ่งงานจาก CP ซึ่งทั้งหมดเป็นงานวิ่งยาวขาเดียว (ลงใต้) บริษัทบริหารจัดการได้รับงานจากอีกบริษัทเมื่อส่งงานของ CP แล้ววิ่งกลับ ทำให้พอที่จะมีกำไรบ้าง ซึ่งในช่วงเวลานั้นงานที่อยู่ในมือเป็นงานวิ่งรถระยะทางไกลทั้งหมด เมื่อมีงานทั้งขึ้นและล่อง ทำให้สถานการณ์ของบริษัทเริ่มดูดี แต่ปัญหาก็มาเยือนในวันหนึ่ง
บทเรียนครั้งสำคัญ วิกฤตกุ้ง ในวิกฤตสร้างโอกาสและเปิดเส้นทางใหม่ให้เห็น
ในช่วงราวปี 54 ต่อปี 55 เกิดวิกฤตขึ้นกับตลาดกุ้ง ซึ่งเป็นสินค้าสำคัญที่ทำกำไรให้กับเทพประสิทธิ์เพราะเป็นส่วนเติมเต็มที่ทำให้ไม่ต้องตีรถเปล่าขากลับในการขนส่งระยะทางไกล และเป็นส่วนที่ทำให้มีกำไร เมื่อสินค้าขากลับไม่มีทำให้ต้องตีรถเปล่า เหลือรายได้ทางเดียว ทำให้ฐานะทางการเงินเริ่มตึงมือ เพราะส่งผลกระทบกับต้นทุนอย่างมาก
เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้บริษัทต้องเริ่มมามองหางานวิ่งระยะสั้นเข้ามาเติม จากที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย เพราะงานวิ่งไกลอย่างเดียวมีปัญหา งานวิ่งสั้นนั้นรับส่งสินค้าวิ่งวนเส้นทางกรุงเทพฯ ปริมณฑลโดยรอบ
คุณวัทธิกรกล่าวว่า “มาตรฐานทีมรถของเทพประสิทธิ์ ทั้งคนขับและงานเซอร์วิส ถ้าเต็บสิบคะแนน เราทำได้เกินสิบคะแนน”
คนขับจะทำงานได้ดี มีสมาธิกับงานนั้น คุณวัทธิกรกล่าวว่า หลักคิดของตนเองคือ ทุกคนทำงานเพื่อเงิน ต้องการกินอิ่ม นอนหลับ เงินเหลือ ที่เทพประสิทธิ์คนขับไม่ต้องคอยมากังวลว่าพรุ่งนี้จะมีงานทำไหม เราดูแลให้เขาได้สิ่งเหล่านี้ เมื่อคนขับได้รับค่าตอบแทนเหมาะสม มีความมั่นคงในงาน เขาก็จะมีสมาธิกับการทำงาน คุณภาพของงานก็จะออกมาดี
แม้ว่าในธุรกิจจะมีการแข่งขันกันสูงเป็นธรรมดา แต่คุณวัทธิกรกล่าวว่าเทพประสิทธิ์ไม่ได้แข่งกับใคร “เราแข่งกับตัวเอง เรารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร พัฒนาตัวเราเองให้ดีขึ้นทุกวัน” “การทำงานร้อยเปอร์เซ็นต์ของเราอาจจะแค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของลูกค้า เพราะฉะนั้นเราต้องเต็มที่ เต็มขีดความสามารถที่เราทำได้ และสำคัญคือเราต้องไม่เอาเปรียบลูกค้า”
วิกฤตที่เกิดขึ้นกับเทพประสิทธิ์ในช่วงเริ่มต้น สร้างภูมิคุ้มกันให้กับคุณวัทธิกรและบริษัทได้เป็นอย่างดี ทุกอย่างที่ดำเนินไปของเทพประสิทธิ์ ก้าวอย่างระมัดระวัง เฝ้าติดตามดูสถานการณ์ภายนอก วางแผนเตรียมพร้อมรับมือ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณวัทธิกรกล่าวว่า เทพประสิทธิ์ไม่เคยหยุดพัฒนาคุณภาพงานบริการที่มีให้กับลูกค้า มาตรฐานที่เทพประสิทธิ์สร้างไว้ ทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้จากไวรัส โควิด เทพประสิทธิ์ได้รับผลกระทบน้อย
คุณวัทธิกรกล่าวว่า “เราเริ่มต้นการทำงานจากการถูกวางให้เป็นตัวเลือก วันนี้เราเลือกคุณไม่ใช่คุณเลือกเรา ทำงานอย่างไรจึงจะไปถึงเป้าหมายอย่างที่เราคิด เราทำทุกอย่างปรับปรุงแก้ไขจุดบกพร่อง วันนี้เราผ่านจุดที่เรากำหนดไว้มาแล้ว แต่เราก็ยังหยุดไม่ได้ ยังคงต้องพัฒนาต่อไป เทพประสิทธิ์เป็นองค์กร เราต้องดูแลสมาชิกในครอบครัวของเรา ทีมงานเรา เขาสู้เพื่อเรา เราก็พัฒนาสู้เพื่อเขาด้วย”
“ในการทำงานต้องสร้างมาตรฐานให้อยู่เหนือเส้นมาตรฐานของลูกค้า ถ้าสิ่งที่เราทำอยู่เหนือเส้นที่ลูกค้ากำหนด เราจะทำงานง่าย สิ่งนี้ทีมงานของเทพประสิทธิ์ต้องรักษาไว้ให้ได้” คุณวัทธิกรกล่าว
สำหรับการดูแลลูกน้อง คุณวัทธิกรกล่าวว่า “เราแสดงออกให้เขาเห็น ทำตัวดีให้ดูเป็นตัวอย่าง เขาเห็นเขาก็ทำตาม ใครที่ไม่ใช่ในแนวทางที่เราเป็น ท้ายที่สุดแล้วก็จะถูกระบบคัดออกไป”
“วิกฤตสอนผมว่า เราต้องลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ บางครั้งเราคิดว่าเรามองรอบแล้ว แต่ยังไม่สุด ลองใหม่ มองช้าๆ อาจจะมีรายละเอียดที่เรายังมองไม่เห็น”
เมื่อเคยผ่านอุปสรรคความล้มเหลวมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนสำคัญ “ผมเริ่มจากทำไม่เป็น แต่สมองผมรู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้ทำเป็น จากจ้าง เป็นลูกจ้าง เป็นคนจ้าง เราไม่ยอมแพ้ เราสู้อย่างมีทิศทาง มีสติ ทำอะไรก็แล้วแต่สติผมไม่เคยขาด”
บริษัทเทพประสิทธิ์ ก้าวเดินฝ่าฟันอุปสรรคด้วยการทำงานที่มุ่งมั่น และเรียนรู้มาตลอดทาง ด้วยการทำงานหนักทั้งคุณวัทธิกร และคุณชัชชฎา ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังดูแลระบบหลังบ้าน สนับสนุนซึ่งกันและกัน พร้อมกับทีมงานของเทพประสิทธิ์ทั้งทีมคนขับรถ ทีมเซอร์วิส ทีมออฟฟิศ ที่เชื่อมั่นในการนำพาของหัวเรือใหญ่ วันนี้เทพประสิทธิ์ขึ้นมาอยู่แถวหน้าเป็นเบอร์ต้นๆ ที่กลุ่มบริษัทซีพีเลือกใช้งาน คุณคุณวัทธิกรกล่าวว่า “แต่เราก็จะไม่หยุดการพัฒนาตัวเอง”
วันนี้ไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า คู่ค้า ยังได้รับการการันตีด้วยมาตรฐานจากองค์กรด้านการขนส่ง เช่น Q Mark รวมทั้งกำลังดำเนิการในเรื่องการรับรองมาตรฐาน iso ต่างๆ เพื่อยกระดับองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไป