DSC0677ถ้าเราขับรถขึ้นเหนือโดยใช้เส้นทางหลักบนทางหลวงหมายเลขหนึ่ง เมื่อพ้นจากเขตจังหวัดอุทัยธานีไปแล้วไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาล่อง จะมีโอกาสสวนทางกับรถหัวลากแบรนด์ยุโรปอย่างวอลโว่ ที่ติดสติกเกอร์ บริษัทสามเสืออยู่เป็นระยะๆ

รถเกือบทั้งฟลีทของบริษัทสามเสือทำหน้าที่ขนส่งสินค้าให้กับ SCG เป็นหลัก ซึ่งคือสินค้าในหมวดอุตสาหกรรมก่อสร้าง สินค้ามีปลายทางทั้งส่งต่อไปยังผู้ค้าของ SCG ในเขตจังหวัดตาก อำเภอแม่สอด และส่วนหนึ่งส่งออกข้ามแดนที่ด่านแม่สอดไปยังประเทศเมียนมาร์

ปัจจุบันบริษัทสามเสือฯ อยู่ภายใต้บริษัท Highway Group ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าของเราคือผู้ที่ริเริ่มสร้างธุรกิจของ Highway Group ขึ้นมา ผู้คนส่วนใหญ่ในแวดวงขนส่งเรียกขานว่า “เฮียอ๋า” หรือชื่อจริงคือ เสรี ครรชิตศิริกุล ประธานกรรมการบริหาร ของ Highway Group

ก่อนจะมาเป็นไฮเวย์ กรุ๊ป

ก่อนจะเข้าสู่ธุรกิจขนส่ง เฮียอ๋าเล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ในตำบลเล็กๆ ของอำเภอแม่สอด ทำธุรกิจเล็กๆ แต่ก็มีความคิดความฝันอยู่ว่าวันหนึ่งกิจการจะต้องเติบโต และรู้ดีว่าหากอยู่ในตำบลเล็กๆ คงไม่อาจไปสู่ฝันได้ ก้าวแรกจึงเป็นการก้าวออกจากพื้นที่เล็กๆ จากตำบลมาสู่อำเภอแม่สอดและเริ่มสร้างกิจการของตนเองขึ้น

เป็นธรรมดาที่บทเริ่มต้นมักจะไม่ราบเรียบและง่ายดาย เฮียอ๋าย้อนความให้ฟังอย่างออกรส ในยุคแรกเริ่มของกิจการที่อำเภอแม่สอดคือบริษัทขนสงที่มีชื่อว่า ไฮเวย์ ทรัคส์ รับขนส่งสินค้าเบ็ดเตล็ด ในสมัยนั้นอำเภอแม่สอดยังไม่ได้เติบโตเช่นทุกวันนี้ ถนนขึ้นมาสู่แม่สอดก็ไม่ได้สะดวกสบายเช่นในปัจจุบัน “สมัยที่ผมทำตอนนั้นมีอยู่สี่เจ้าเองมั้ง ทำให้การแข่งขันกันไม่มี”

ในยุคเริ่มต้นมีรถอยู่ 5 คัน และเพิ่มขึ้นตามปีที่ทำธุรกิจ หากแต่การทำธุรกิจมีปัจจัยและองค์ประกอบหลายอย่าง ความสำเร็จย่อมไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน หลายธุรกิจต้องล้มเหลว ล้มลุกคลุกคลาน บ้างกลับมายืนได้ บ้างเลิกลา เฮียอ๋าเองก็เช่นเดียวกัน

“วิฤกติใหญ่ของผมตอนต้มยำกุ้งนะ”

รถที่มีอยู่ในฟลีทของไฮเวย์ ทรัคส์ ต้องแปรเปลี่ยนจากรถใหม่ย้อนกลับมานับหนึ่งด้วยรถมือสอง แต่ก็ยังไม่ดีนัก เฮียอ๋าบอกว่าเงินที่หาได้หมดไปกับค่าซ่อมบำรุงรถในฟลีทเกือบหมด ด้วยความที่สภาพของรถนั้นผ่านการใช้งานมาอย่างหนักแล้ว สุดท้ายคุยกับภรรยาว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ ทำให้มองหาโอกาสที่จะขยับไปเป็นรถใหม่ แต่ทว่าก็ไม่มีเครดิตที่จะไปออกรถใหม่ได้

 DSC0712เปลี่ยนจากรถมือสองญี่ปุ่น ไปสู่มือสองยุโรป และสุดท้ายไปจบที่ป้ายแดงยุโรปโดยไม่คาดคิด

เฮียอ๋าเล่าให้ฟังว่า จากเคยใช้รถใหม่ กลายเป็นย้อนกลับไปใช้รถมือสองเหมือนตอนเริ่มต้น แม้จะประสบกับปัญหาหลายอย่างแต่ก็ประคับประคองปรับกลยุทธ์สู้มาโดยตลอด จนกระทั่งตัดสินใจเปลี่ยนจากญี่ปุ่นมือสองไปหารถยุโรปมือสอง

วันหนึ่งความเปลี่ยนแปลงก็มาเคาะประตูบ้าน “รถวอลโว่มือสองที่ผมใช้อยู่เอาไปเข้าศูนย์วอลโว่ที่ตาก จนวันหนึ่งทางวอลโว่บอกซ่อมไปก็ไม่คุ้มแล้ว” เฮียอ๋าเล่าให้ฟังว่า วอลโว่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้ ด้วยการรับซื้อรถเก่าในฟลีททั้งหมดไป จากนั้นออกรถวอลโว่ป้ายแดงใหม่ให้ การ Trade แลกเปลี่ยนในครั้งนั้นทำให้ได้วอลโว่ FM ป้ายแดงมาหกคัน

การซื้อรถใหม่ป้ายแดงเป็นเรื่องยากสำหรับเฮียอ๋าในช่วงเวลานั้น เหตุเพราะเครดิตนั้นหมดไปสมัยการซื้อรถครั้งแรกที่ถูกยึดคืนไป การที่วอลโว่หยิบยื่นโอกาสให้ในห้วงเวลาดังกล่าวทำให้ในเวลาต่อมาระหว่างไฮเวย์ฯ กับวอลโว่เป็นมิตรภาพทางธุรกิจที่เหนียวแน่นต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน

วอลโว่ป้ายแดงหกคันคืออาวุธสำคัญที่เข้ามาช่วยทำให้กิจการของไฮเวย์ ทรัคส์เดินหน้าต่อไปได้ ค่อยๆ เติบโต แต่ทว่าวิกฤตครั้งที่สองก็วนมาอีก แม้จะไม่หนักหนาเท่าครั้งแรกแต่ก็ยืนอยู่บนความไม่มั่นคงอีกครั้ง

ทำให้ต้องย้อนกลับคืนสู่บ้านเก่า เฮียอ๋ากล่าวเช่นนั้น เศรษฐกิจชลอตัวในปี 2551-2552 ทำให้ต้องกลับไปขอความช่วยเหลือจากเจ้านายเก่าที่ SCG (เฮียอ๋าเคยทำงานให้กับ SCG อยู่ช่วงหนึ่ง)

การย้อนกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของ SCG เสมือนเป็นการเลือกช่องทางที่ถูกต้อง เป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งสู่ความมั่นคงอย่างแท้จริง เมื่อกลับมาวิ่งสินค้าให้กับ SCG กิจการก็เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ รถในฟลีทเริ่มทยอยเพิ่มขึ้นตามจำนวนงานที่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเดินทางมาถึงในปี 2555 -2556

นั่นคือได้รับการแต่งตั้งให้เป็นดีลเลอร์ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ที่จังหวัดตาก แม่สอด โดยได้เปิดบริษัท ไฮเวย์ ซีเมนต์ในปี 2555 เพื่อจำหน่ายสินค้าของ SCG

เมื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับ SCG ทำให้ต้องแยกธุรกิจขายสินค้ากับขนส่งสินค้าออกจากกัน จึงได้ตั้งบริษัทสามเสือ ทรานสปอร์ตขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ขนส่งสินค้า ปี 2558 เปิดไฮเวย์ คอนกรีต จำกัด ทำกิจการ Plant ปูนซีเมนต์ผสมเสร็จ ต่อเนื่องมาเปิดบริษัท ไฮเวย์ อินเตอร์ เอ็กซ์สปอร์ต จำกัด ทำธุรกิจชิปปิ้ง เพื่อนำสินค้าส่งข้ามแดนไปฝั่งพม่า และเปิดท่าข้าม 33 (ไฮเวย์) ท่าเรือขนถ่ายสินค้าริมแม่นํ้าเมย เปิดธุรกิจศูนย์ยางรถบรรทุกมิชลินในชื่อ ไฮเวย์ ทรัค ไทร์ ธุรกิจสถานีบริการนํ้ามันปตท.ในชื่อไฮเวย์ ทรัค พาร์ก แอนด์ เซอร์วิส และสุดท้ายธุรกิจท่าทรายไฮเวย์ ธุรกิจในกลุ่มของไฮเวย์ กรุ๊ป แบ่งให้ลูกชายทั้งสามคนดูแลคนละส่วนงาน

ผู้ที่ก้าวเข้ามาช่วยงานเป็นคนแรกคือลูกชายคนโต วสันต์ ครรชิตศิริกุล ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทไฮเวย์กรุ๊ปฯ ตามมาด้วยคนกลางและคนเล็ก

ที่มาของชื่อไฮเวย์ กรุ๊ป นั้นเฮียอ๋าอธิบายให้ฟังว่า “ธุรกิจเราเริ่มมาจากการขนส่งบนถนน ถนนไปถึงที่ไหนความเจริญก็เกิดขึ้น ถนนตัดขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด เป็นที่มาของ ไฮเวย์ อีกทั้งตัวเอช (H) ที่นำมาใช้เป็นโลโก้ยังมีสองขายืนเปรียบเหมือนการยืนอยู่อย่างมั่นคง”

ธุรกิจของไฮเวย์ฯ โตตามเศรษฐกิจของแม่สอด และเมืองเมียวดี ประเทศพม่า สินค้าที่ไฮเวย์ฯ จำหน่ายนั้นมีแต่เฉพาะสินค้าภายใต้แบรนด์ของ SCG เท่านั้น แต่กิจการขนส่งสินค้านั้นรับขนส่งสินค้าทั่วไปให้กับลูกค้าอื่นๆ ด้วย โดยมีบริษัทไฮเวย์ ทรัคส์ รับหน้าที่เป็นหลัก

ไฮเวย์ฯ เติบโตอย่างมีทิศทางด้วยการทำงานกับ SCG และไม่ได้ทำแค่ขนส่งอย่างเดียว

เฮียอ๋ากล่าวว่า เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของ SCG ทำให้ได้เรียนรู้การบริหารจัดการเรื่องธุรกิจ “SCG ให้เราเข้าอบรมสม่ำเสมอ สอนเรา ทำให้เรามีวิศัยทัศน์ในการทำธุรกิจ เติบโตไปพร้อมๆ กับ SCG เราพูดได้เลยถ้าไม่มี SCG ก็ไม่มีวันนี้”

“ถ้าทำเพียงแค่ขนส่งอย่างเดียวตอนนี้อาจจะแย่แล้ว” เฮียอ๋ากล่าว ทุกวันนี้ธุรกิจของไฮเวย์ กรุ๊ป เกือบจะครบวงจร ทุกอย่างหมุนวนเป็นวงกลม มีบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในหมวดก่อสร้างของ SCG ครบทุกประเภท รวมทั้งยังส่งออกไปยังประเทศพม่าด้วย มี Plant ปูนซีเมนต์ มีบริษัทขนส่งสินค้าทั้งของตนเอง และรับขนส่งสินค้าแบบเหมาคันให้กับลูกค้าทั่วไป มีปั้มน้ำมัน มีศูนย์จำหน่ายยางรถบรรทุก

 DSC0767การเพิ่มเติมธุรกิจ โดยขยายจากหมวดขนส่งสินค้าก่อสร้าง ไปสู่ปั้มน้ำมัน และตัวแทนจำหน่ายยางรถยนยต์นั้น เฮียอ๋าเปิดเผยให้ฟังว่า เหตุผลสำคัญคือในอนาคตไม่อยากให้ลูกๆ ต้องมามีปัญหากันในเรื่องธุรกิจ บวกกับอยากจะขยายธุรกิจให้เติบโตด้วย จึงสร้างธุรกิจปั้มน้ำมันให้กับลูกชายคนที่สองที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกได้ดูแลบริหาร ซึ่งธุรกิจปั้มน้ำมันกับยางเริ่มต้นด้วยการมีต้นทุนการใช้งานจากรถบรรทุกในฟลีทที่มีถึงสามสิบคันเป็นตัวตั้งต้น ทุกวันนี้ทั้งปั้มน้ำมันและยางสามารถเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ปั้มน้ำมันกำลังจะขยายเปิดเพิ่ม

ปี 2557-2558 เป็นปีที่เศรษฐกิจพม่าเติบโตมาก ซึ่งส่งผลมาถึงไฮเวย์ กรุ๊ป ด้วย เป็นปีที่ไฮเวย์ กรุ๊ป เติมรถเข้าฟลีทเพิ่มทีเดียวสามสิบคัน ซึ่งเป็นการซื้อรถบรรทุกล็อตใหญ่จากวอลโว่ เฮียอ๋าเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นวอลโว่เปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่พอดี ไฮเวย์สั่งซื้อ FH 440 รุ่นใหม่ ซึ่งเปิดตัวที่เกาหลีใต้ โดยไปร่วมงานเปิดตัวด้วยและทำสัญญาซื้อขายกันที่เกาหลีใต้สามสิบคัน

มูลค่าการส่งออกสินค้าที่ด่านผ่านแดนแม่สอดเติบโตขึ้นทุกปี ปีล่าสุดมีมูลค่านับแสนล้านบาทแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจของไฮเวย์ฯ ก็ขยับขยายไปยังฝั่งเมียวดีประเทศพม่าด้วยเช่นกัน โดยมีลูกชายคนเล็กเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งในอนาคตกำลังจะเปิดบริษัทขนส่งในประเทศพม่า โดยจะทำหน้าที่รับช่วงในการขนส่งสินค้าจากฝั่งไทยเพื่อกระจายไปทั่วประเทศพม่า นอกไปจากนั้นยังวางแผนจะไปทำ plant ปูนที่ฝั่งพม่าด้วย แต่เฮียอ๋าบอกว่า การขนส่งในพม่ายังต้องทำการบ้านอีกมากเพราะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นความท้าทายที่จะทำให้สำเร็จ

ไฮเวย์ ทรัคส์ โลจิสติกส์ ดำเนินธุรกิจวิ่งขนส่งสินค้าทั่วไป รวมทั้งหากงานทางด้านสามเสือมีปริมาณมากก็จะใช้ไฮเวย์ ทรัคส์เข้าไปช่วย ปัจจุบันบริหารงานโดยลูกชายคนเล็ก ซึ่งอีกหนึ่งธุรกิจที่อยู่ในความดูแลคือท่าเรือ 33

เมื่อถามว่าทำอย่างไรให้ธุรกิจขนส่งประสบความสำเร็จได้ เฮียอ๋ากล่าวว่าสำหรับตนเองต้องมีสี่ดี 1.รถดี / ใช้รถที่มีคุณภาพ, 2.งานดี / มีงานให้คนขับสม่ำเสมอ, 3.เงินดี / ค่าตอบแทนที่ให้กับคนขับเป็นธรรม, 4.พนักงานขับรถดี / ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าไม่มีสามข้อแรกการเกิดข้อที่สี่จะยาก สำหรับไฮเวย์ฯ เฮียอ๋ากล่าวว่า ถือเป็นโชคดีที่ไม่มีปัญหาเรื่องคนขับ ที่สำคัญคือการดูแลลูกน้องอย่างใกล้ชิด ทุกคนในทีมเสมือนเป็นสมาชิกของครอบครัว “เราต้องคิดเสมอว่าพนักงานขับรถเขาหาเลี้ยงเราอยู่”

ถ้าเราขับรถมาแม่สอด เมื่อเลี้ยวเข้าสู่ถนนสายตาก-แม่สอดเลยสามแยกมาไม่ไกลเราจะพบกับปั้มปตท. และที่ติดกับปั้มปตท.คือ ไฮเวย์ ทรัค พาร์ค ตัวแทนจำหน่ายยางมิชลิน โดยมีลานดินขนาดกว้างใหญ่ ซึ่งเฮียอ๋าบอกว่าทำตรงจุดนี้ให้เป็นลานกว้าง เปิดให้กับรถบรรทุกทั่วไปเข้ามาจอดพักได้ เพราะเรื่องจุดจอดพักสำหรับนักขับรถบรรทุกเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันภาครัฐออกกฏหมายให้ต้องจอดพัก แต่ไม่ได้สร้างพื้นที่เพื่อรองรับให้กับภาคขนส่งเลย การจอดตามข้างถนนสำหรับรถใหญ่นั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก การทำจุดพักจอดที่เปิดกว้างสำหรับสาธารณะเป็นความตั้งใจอย่างหนึ่งของเฮียอ๋า

ปัจจุบันกิจการของไฮเวย์ กรุ๊บ เดินหน้าเติบโตไปอย่างมีทิศทาง รวมทั้งได้วางตัวลูกๆ ทั้งสามคนให้ดูแลบริหารกิจการคนละส่วนแยกออกจากกัน แต่ทุกหน่วยธุรกิจในกรุ๊ปยังเชื่อมโยงเกื้อหนุนกัน

เมื่อมองเข้าไปยังอาณาจักรของไฮเวย์ กรุ๊ป สามารถกล่าวได้เต็มปากว่าไม่ธรรมดา แต่เฮียอ๋าบอกว่า “ยังไม่ประสบความสำเร็จหรอก ไฮเวย์ กรุ๊ป ยังต้องเดินหน้าต่อไปอีก ยังขยายเติบโตได้อีก”

ทุกวันนี้แม้ว่าจะถอยตัวเองออกมาช่วยดูอยู่ห่างๆ โดยมีลูกชายคนโต วสันต์ ครรชิตศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไฮเวย์กรุ๊ปฯ เป็นผู้ดูแลหลัก แต่เฮียอ๋าก็ยังคอยช่วยเหลือในงานบางส่วนที่ต้องลงหน้างานเพื่อไปดูแลจัดการอยู่บ้าง เฮียอ๋าบอกว่าทุกวันนี้อายุหกสิบกว่าแล้ว แต่ยังมีความสุขกับการทำงานอยู่

ปี 2020 เริ่มต้นขึ้นพร้อมๆ กับสิ่งไม่คาดคิดหลายเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาจากไวรัสโควิด -19 ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดภาวะชลอตัว และผลกระทบที่จะทยอยตามมาอีกหลายเรื่อง ปี 2020 จึงนับเป็นปีที่พิสูจน์ขีดความสามารถของทุกองค์กรอย่างแท้จริง

แน่นอนว่าไฮเวย์ กรุ๊ป เคยผ่านวิฤกตใหญ่มาแล้ว ย่อมรู้ดีว่าความไม่แน่นอนนั้นมีอยู่จริง เฮียอ๋าบอกว่า วันนี้ไม่เหมือนอดีต เราไม่ได้ตัวคนเดียว เรามีครอบครัว มีพนักงานหลายชีวิตที่ทำงานร่วมกับเรา ที่ต้องดูแล การทำงานกับไฮเวย์ กรุ๊ป เปรียบเสมือนเราสร้างเครื่องจักรให้สามารถทำงานได้ หน้าที่เราคือคอยดูแลให้เครื่องจักรตัวนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยตลอด เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับเรา

“ทุกวันนี้ตื่นเช้ามาทำงาน เย็นได้พักผ่อน มีความสุข ชีวิตผมถ้าไม่ได้ทำงาน ไม่มีค่าอะไรเลย วันนี้ตัวผมเองไม่ได้มองที่รายได้ ผมมองว่า ผมมีส่วนช่วยให้ไฮเวย์ กรุ๊ปได้เติบโตเป็นไปตามที่เราฝันไว้” เฮียอ๋ากล่าว