Shell ในความร่วมมือกับ Ezyhaul เพื่อการพัฒนาแพลตฟอร์มขนส่งในไทย
คุณ Zain Hak ผู้จัดการทั่วไปของ Shell Fleet Solutions Asia
: รบกวนอธิบายความร่วมมือระหว่าง Shell และ Ezyhaul ว่ามีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของ Shell อย่างไร
ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะแก้ไขปัญหาที่ลูกค้าของเรากำลังเผชิญอยู่ อุตสาหกรรมการขนส่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความท้าทายรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย เพื่อตอบรับเหตุผลดังกล่าวและมั่นใจได้ว่าทุกประเทศทั่วโลกจะมีระบบการจัดการ Fleet ที่เหมาะสมกับความต้องการและส่งผลด้านความยั่งยืน ไม่จำเป็นว่าต้องมีเพียงโซลูชั่นเดียว ด้วยความร่วมมือกันในครั้งนี้ เรามุ่งสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาและอุปสรรคของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการการขนส่ง พร้อมหาโซลูชั่นในการจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย การบำรุงรักษา ตลอดจนการใช้น้ำมันด้วยระบบ Telematic การให้ความช่วยเหลือเคลื่อนที่ ตลอดจนบริการด้านอื่น ๆ
แพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาช่วยให้เรื่องการกำหนดราคา ทำให้เรามองเห็นคุณภาพของการบริการและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งที่ดีขึ้น แพลตฟอร์มดิจิทัลของ Ezyhaul เป็นการทำงานผ่านบนระบบคลาวด์ (cloud-based) ด้วยการใช้งานที่เรียบง่ายผ่านโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ให้แก่ทั้งผู้ขนส่งและผู้ส่งสินค้า นอกเหนือจากนั้นยังช่วยผู้ส่งสินค้าที่มีคุณภาพหลายพันราย ให้สามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่เชื่อมต่อกับโฮสต์ของลูกค้าขนส่งรายใหม่ ๆ และในทางกลับกันผู้ส่งสินค้าสามารถเข้าถึงการขนส่งใหม่ ๆ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมด้วยต้นทุนที่โปร่งใสและแข่งขันได้
: ประโยชน์ที่ Shell จะได้รับจากความร่วมมือครั้งนี้
อุตสาหกรรมการขนส่งสินค้ายังเป็นแบบอนาล็อกอยู่ การจองระบบการจัดส่งสินค้ายังเป็นต้องทำด้วยตนเอง มีข้อจำกัดในการติดตามการขนส่งแบบเรียลไทม์ ขาดข้อมูลที่น่าเชื่อถือและสอดคล้องกันสำหรับการนำมาวิเคราะห์ ความลำบากในการวัดผล การจัดการและการควบคุมประสิทธิภาพของผู้ขาย ความไม่ถูกต้องของการเรียกเก็บเงิน และมีข้อจำกัดในการรวบรวมข้อมูล ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่บริษัททั่วไปต้องเผชิญ นอกเหนือจากนี้ ผู้ขนส่งยังต้องเจอกับปัญหาประสิทธิภาพในการบริหารรถขนส่งไปจนถึงการตีรถเที่ยวเปล่า
การเป็นพันธมิตรกับ Ezyhaul ทำให้ Shell ช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพิ่มกำไรและให้ลูกค้าสามารถติดตามการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ตามที่คาดหวัง ควบคู่ไปกับการใช้บัตร Shell Fleet Card ยังทำให้ผู้ขนส่งสามารถเข้าถึงน้ำมันเชื้อเพลิงเกรดคุณภาพ ตลอดจนผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ จาก Shell อีกมากมายผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย Shell Fleet Card ยังช่วยผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการเงินสดหมุนเวียนได้อีกด้วย เราเข้าใจดีว่าผู้ขนส่งส่วนใหญ่มีระยะเวลาในการชำระเงินค่าน้ำมันอยู่ที่ 45-90 วันตามมาตรฐานปกติ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงล่วงหน้าประมาณ 20-25%
: เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในการจัดการการบริหารระหว่าง Shell และลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไร
บทบาทของ Fleet Manager เพิ่มมากขึ้นและมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยที่ไม่ได้เพียงแต่มุ่งเน้นเฉพาะการจัดการขนส่งและคนขับรถอีกต่อไป นอกเหนือจากเดิมซึ่งมีหน้าที่ในการลดต้นทุนและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของคนขับรถแล้ว ปัจจุบัน Fleet Managers ยังต้องให้ความสำคัญกับประเด็นต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การดึงดูดคนขับรถที่ทำงานดีให้ยังคงทำงานกับบริษัทให้ได้ รวมไปถึงต้องมีความรอบรู้ในเรื่องเทคโนโลยีล่าสุดตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมอยู่เสมอ เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้ลูกค้ามองหาพันธมิตรที่สามารถช่วยเหลือให้การดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นและส่งเสริมการเจริญเติบโตของธุรกิจได้
ในฐานะที่ Shell เป็นบริษัทที่มี Fleet เป็นของตนเองและมีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับลูกค้าในภาคการขนส่งมานานหลายสิบปี Shell เข้าใจถึงความท้าท้ายเหล่านี้ดี พนักงานของเรา พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจและความสัมพันธ์กับพันธมิตรในอุตสาหกรรมหลัก ๆ ของเรา ช่วยให้เราสามารถแบ่งปันคำแนะนำที่เป็นประโยชน์และพัฒนาโซลูชั่นที่มีคุณค่าทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าของเราได้ เช่น Shell Fleet Card ที่เป็นโซลูชั่นการชำระเงินสำหรับทุกความต้องการด้านการขนส่งพร้อมทั้งยังเป็นประตูให้ลูกค้าเข้าถึงเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงบริการต่าง ๆ ของ Shell เช่น บริการล้างรถ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น และอาหาร ซึ่งสามารถซื้อสินค้าและบริการทั้งได้ง่าย ๆ ผ่านจากบัตรเดียว ธุรกรรมทั้งหมดจะแสดงบนใบแจ้งหนี้ใบเดียวใน เจ้าของ Fleet ยังสามารถตรวจสอบค่าใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ได้ ด้วยการสนับสนุนของเราที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถดูแลพนักงาน บูรณาการข้อมูลเข้าด้วยกัน และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการดำเนินงาน ตลอดจนเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากที่กล่าวมาทั้งหมด เราจึงมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราได้มีความพร้อมและได้เปรียบทางการแข่งขันในธุรกิจขนส่งอย่างยั่งยืนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
: อะไรคือความท้าทายที่ Shell ต้องเผชิญอยู่ภายใต้สถานการณ์ COVID-19
ภายใต้สถานการณ์โรคระบาดเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของเราทุกคนเป็นอย่างมาก เราได้เห็นถึงความกังวลด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการทำงานจากบ้าน (Work from Home) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันมีความต้องการของสังคมที่จะก้าวไปสู่สังคมแบบไร้สัมผัส (Contactless Society) และดิจิทัล (Digitalization) มากขึ้น ความท้าทายของเราคือการปรับตัวเข้าหาสถานการณ์รอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไป และยังคงต้องตอบสนองต่อความต้องการด้านพลังงานของลูกค้า โดยยังต้องให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเอาไว้ด้วยในเวลาเดียวกัน
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2562 Shell ได้ประกาศเจตนารมณ์ในการเป็น ‘Trusted Partner for Better Life’ โดยมี ความมุ่งมั่นด้านพลังงาน #EnergyAmbition การมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในช่วงฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 จากความตั้งใจดังกล่าว มาสู่แผนการดำเนินงานที่สำคัญของ Shell ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2562-2564 ที่มุ่งตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไปอันเป็นผลมาจากการระบาดของ COVID-19 ด้วยความร่วมมือและการประสานงานกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว Shell ยังคงมีมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายในการหาโซลูชั่นด้านพลังงานที่มากขึ้น และเป็นพลังงานที่สะอาดมากขึ้นต่อไป