BRK Group เป็นกลุ่มธุรกิจที่เริ่มต้นจากสถานีปั๊มน้ำมันขนาดเล็กในชุมชนเมื่อปี พ.ศ. 2532 และเมื่อต้องประสบปัญหาการขนส่งน้ำมันป้อนให้กับลูกค้าในชุมชนที่ต้องอาศัยบริษัทขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะนั้น จึงทำให้ตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเริ่มต้นด้วยการลงทุนซื้อรถบรรทุกน้ำมัน 2 คัน เพื่อแก้ปัญหาด้านการขนส่งน้ำมันป้อนให้กับสถานีปั๊มน้ำมันของครอบครัว

จากจุดเริ่มต้นรถบรรทุกน้ำมันเพียง 2 คัน นายชูโชติได้เล็งเห็นความต้องการในงานบริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่น่าจะมีศักยภาพเติบโตได้อีกมากในขณะนั้น จึงได้ขยายจำนวนรถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ BRK Group มีรถบรรทุกน้ำมันปาล์มและน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า 300 คันและให้บริการขนส่งน้ำมันทั่วประเทศ

นายชูโชติ กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทเราเอง ก็มีสถานีปั๊มน้ำมันให้เช่าอีก 5 แห่ง ซึ่งเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับสถานีปั๊มน้ำมันเหล่านี้ และที่อื่น ๆ อีกทั่วประเทศ นอกจากการเติบโตของธุรกิจน้ำมันปาล๋ม เรายังมั่นใจว่าธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะปริมาณรถที่ใช้น้ำมันที่มาจากฟอสซิล จะยังคงมีใช้ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 10 ปี”

“อย่างไรก็ตาม เราเองก็เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนเปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มจำนวนขึ้น เราก็จะต้องมีการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของเราตามการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน” นายชูโชติ กล่าวเสริม

โดยในปีนี้ BRK Group จะมีการลงทุนเพิ่มอีก 60 ล้านบาทในโครงการสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในเดือนสิงหาคมนี้ และยังมีโครงการขยายสถานีน้ำมันแบรนด์อิสระอีกมูลค่ากว่า 20 ล้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในปีนี้เช่นกัน

สำหรับผลประกอบการเมื่อปีที่แล้ว BRK Group มีรายได้ทั้งกลุ่มหดตัวลงประมาณ 5% ซึ่งมีสาเหตุมาจากกำลังซื้อในประเทศยังไม่กระเตื้อง ส่งผลต่อการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยมียอดรายได้รวมประมาณ 500 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ด้วยอานิสงส์จากนโยบายไบโอดีเซล B100 และหากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ผ่านไปได้อย่างราบรื่น คาดว่ากำลังซื้อจะกลับสู่ภาวะปกติ และจะกระตุ้นให้ยอดรายได้ของกลุ่มในปีนี้เติบโตขึ้นอย่างแน่นอน